วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ผลงานของฉินซือหวองตี้ 2


มหาโครงการ


มหาสุสานจักรพรรดิ (Tomb of the Dragon Emperor) ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง ห่างจากเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซีประเทศจีน สุสานฉินซือหวองตี้ได้ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ชื่อ หยางจื้อฟา ในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผา ที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี ปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ภายในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า 25,000 ตร.ม. มีการคาดคะเนว่าอาณาเขตของสุสานฉินซือหวองตี้จะมีพื้นที่มากกว่า 2,180  ตร.กม. สุสานฉินซือหวองตี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในป พ.ศ. 2530 แต่จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ระบุว่าสุสานแห่งนี้อัครมหาเสนาบดีหลี่ซือเป็นผู้วางแปลนการก่อสร้าง โดยที่พื้นที่ของสุสานจากทิศเหนือจรดทิศใต้ยาว 9,000 ฟุต จากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกยาว 3,600 ฟุต รวมพื้นที่เท่ากับ 32,400,000 ตารางฟุตส่วนพื้นที่ภายในวังจากทิศเหนือจรดทิศใต้ยาว 1,800 ฟุต จากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกยาว 200 ฟุต รวมพื้นที่เท่ากับ 360,000 ตารางฟุต ส่วนพระราชวังจะลึกลงไปใต้ดิน 300 ฟุต ฉินซือหวองตี้ไม่ประสงค์ให้พระราชวังมีบรรยากาศแห่งความตายแต่ประสงค์ให้ภายในมีความเอิกเกริกเหมือนโลกจริงๆ ภายสุสานจึงมีหุ่นทองสำริด ทหารองครักษ์รูปปั้นดินเผาสร้างจากทหารจริงขององค์พระจักรพรรดิโดยที่พระองค์ทรงมีบัญชาสร้างให้คนละหนึ่งตัว โดยที่จะต้องสร้างให้เหมือนรูปพรรณสันฐานจริงทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ส่วนสูง น้ำหนัก อาวุธ ชุดเกราะ รถม้า รวมถึงยศทางทหาร (โครงการการสร้างทหารองครักษ์รูปปั้นดินเผานี้ ยิ่งใหญ่มากถึงขนาดต้องใช้ช่างปั้นดินเผาทั้งหมดที่มีอยู่ในแผ่นดิน) แม่น้ำสามสาย ภายในพระราชวังสุสานจะจัดวางตามแผนที่ของประเทศ มีเก้ามณฑล มีภูเขา สายน้ำ ธารน้ำ สีเขียวที่ไหล มีต้นสนที่สลักจากหยก ในแม่น้ำจะมีสีน้ำเงินและไหลตลอดเวลา ส่วนเพดานของสุสานจัดตามดาราศาสตร์อย่างละเอียด โดยใช้มุกมาแทนดวงดาว พระจันทร์ และพระอาทิตย์ สว่างโดยไม่ดับ ใช้ทองมาหล่อเป็นนก ดูเหมือนมีชีวิต 

จากพระประสงค์ของฉินซือหวองตี้ทำให้เกิดการใช้แรงคนงานอย่างมหาศาลโดยที่จำนวนคนงานที่ถูกเกณฑ์มาสร้างมีจำนวนถึง 700,000 คนนับว่ามากกว่าจำนวนคนที่ถูกเกณฑ์มาสร้างกำแพงหมื่นลี้ถึงกว่าเท่าตัว จากการขุดค้นพบรูปปั้นดินเผา (terracotta) ทหารองครักษ์ของฉินซือหวองตี้จำนวน 6,000 ที่เคยเป็นข่าวไปทั่วโลกเมื่อปี ค.ศ. 1974 ตรงบริเวณเนินดินด้านนอกของที่ฝังพระศพฉินซือหวองตี้ซึ่งใหญ่กว่าตัวจริงเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ามหาสุสานของฉินซือหวองตี้ใหญ่โตมโหฬารเพียงไร และต้องสิ้นเปลืองแรงงานผู้คนมากเพียงไรด้วย ประมาณว่า ผลิตผลที่ชาวนาเก็บเกี่ยวถึงสองในสามต้องถูกเก็บเป็นภาษีของรัฐ พลเมืองอาณาจักรฉินสมัยนั้นมีประมาณ 20 ล้าน ต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานตามโครงการราว 1,500,000 คน ยังผลให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานผู้ชายในการทำไร่ไถนา จนถึงต้องอาศัยแรงงานผู้หญิงในการทำไร่ไถนาแทนผู้ชาย แล้วมิหนำซ้ำผู้หญิงยังต้องทำงานที่ผู้ชายเองยังถือว่าเป็นงานหนักคือการขนส่งข้าวอีกด้วย ยิ่งกว่านี้กฎหมายอาญาสมัยรัฐฉินก็ยังวางบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดหนักมาก เนื่องจากถ้ามีผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว ก็ต้องถูกลงโทษทั้งครอบครัว ยิ่งฉินซือหวองตี้มีโครงการมหาโครงการมากขึ้นเพียงไร ประชาชนพลเมืองก็ยิ่งมีความเดือดร้อนกันมากขึ้นเพียงนั้น และก็เป็นที่ยอมรับกันด้วยว่า ไม่มีใครในอาณาจักรแม้แต่สักคนที่จะกล้าทูลทัดทานหรือคัดค้าน อย่าว่าแต่ขุนนางที่รับใช้ใกล้ชิดเลย แม้แต่พระราชโอรสในตำแหน่งรัชทายาทก็ยังทูลทัดทานไม่ได้อย่างในกรณีที่ฉินซือหวองตี้ลงโทษนักศึกษาปัญญาชนที่วิพากษ์วิจารณ์พระองค์นั้น องค์ชายฝูซูรัชทายาทไม่เห็นด้วยและก็ทูลคัดค้าน ผลปรากฏว่า ฉินซือหวองตี้กริ้วถึงกับรับสั่งให้เนรเทศองค์รัชทายาทไป “ช่วย” แม่ทัพเหมิงเถียนสร้างกำแพงหมื่นลี้เสียเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น